วันจันทร์ที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

ประเภทและหลักการจัดหาทรัพยากรการเรียนรู้

 1. ข่าวของมหาวิทยาลัยบูรพาในหน้าหนังสือพิมพ์จัดอยู่ในประเภทของทรัพยากรการเรียนรู้ใด และมีชื่อเรียกว่าอะไร    

เป็นประเภทสื่อทรัพยากรการเรียนรู้ที่ตีพิมพ์ คือ สิ่งพิมพ์ที่มีการบันทึกความรู้ ความคิดของมนุษย์นำมารวบรวมเป็นเล่ม ให้ผู้อ่านได้ศึกษาค้นคว้าและใช้อ้างอิง
        เรียกว่าเป็นสิ่งพิมพ์ต่อเนื่อง คือ สิ่งพิมพ์ที่ออกต่อเนื่องกันตามกำหนดเวลาที่กำหนดไว้ คือหนังสือพิมพ์รายวัน ซึ่งเป็นสิ่งพิมพ์ที่กำหนดออกเป็นประจทุกวัน เพื่อนำเสนอข่าว และเหตุการณ์ความเคลื่อนไหวใหม่ ๆ ทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ เช่น ข่าวการเมือง ข่าวเศรษฐกิจและสังคม ข่าวการศึกษา ข่าวกีฬา ข่าวธุรกิจ ข่าวบันเทิง บทความทางวิชาการและ สาระน่ารู้ เป็นต้น

2. ถ้าต้องการคัดเลือกสื่อวีดิทัศน์มาให้บริการนิสิตจะมีหลักการอย่างไรในการคัดเลือกสื่อดังกล่าว

                                   หลักการคัดเลือกสื่อวีดิทัศน์ มีดังนี้
- กำหนดเกณฑ์การประเมินเพื่อคัดเลือกสื่อวีดิทัศน์ให้ชัดเจน
- ต้องสัมพันธ์กับหลักสูตรการเรียนการสอนในสถานศึกษานั้น ๆ
-  เนื้อหาถูกต้อง ทันสมัย น่าสนใจ นำเสนอเนื้อหาได้ดีเป็นลำดับขั้นตอน
-  เหมาะสมกับวัย ระดับชั้น ความรู้ และประสบการณ์
- สะดวกในการใช้ ไม่ซับซ้อนยุ่งยากจนเกินไป
- มีคุณภาพ มีเทคนิคการผลิตที่ดี มีความชัดเจนและเป็นจริง
- ราคาไม่แพงเกินไป    
- ถ้าจะผลิตเองควรคุ้มกับเวลาและการลงทุน


3. การจัดซื้อทรัพยาการเรียนรู้มีกี่วิธีการ อะไรบ้าง

  การจัดซื้อทรัพยาการเรียนรู้มี 4 วิธีการ ดังนี้
1) สั่งซื้อโดยตรง : ในประเทศ / ต่างประเทศ
2) สั่งซื้อผ่านร้าน/ตัวแทนจำหน่าย : ในประเทศ / ต่างประเทศ
3) เว็บไซต์ : ในประเทศ / ต่างประเทศ
4) จัดซื้อในรูปภาคีร่วมกับศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้สถาบันอุดมศึกษาอื่นๆ

ศึกษาเนื้อหาหลักการประสานงาน

1. สิ่งสำคัญเบื้องต้นของการประสานงานมีอะไรบ้าง

1. การจัดวางหน่วยงานที่ง่ายและเหมาะสม
2. การมีโครงการและนโยบายอันสอดคล้องกัน
3. การมีวิธีติดต่องานภายในองค์การที่ท าไว้ดี
4. มีเหตุที่ช่วยให้มีการประสานงานโดยสมัครใจ
5. การประสานงานโดยวิธีควบคุม

1. การจัดวางหน่วยงานที่ง่าย (Simplified 
Organization) 
ในการจัดการศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้การจัดวางหน่วยงานควร
ค านึงถึง 
ก. การแบ่งแผนกซึ่งช่วยในการประสานงาน กล่าวคือ การจัดแผนก
ต่าง ๆ บางแผนกมีความจ าเป็นต้องประสานกันควรอยู่ใกล้ชิดกัน
เนื่องจากการติดต่ออย่างไม่เป็นทางการระหว่างผู้ที่ท างานอัน
เกี่ยวเนื่องอย่างใกล้ชิดกันมากขึ้น 
ข. การแบ่งตามหน้าที่ 
ค. การจัดวางรูปงานและระเบียบการที่ชัดแจ้งแก่ทุก ๆ คนที่เกี่ยวข้อง

2. การมีโครงการและนโยบายอันสอดคล้องต้องกัน
(Harmonized Program and Policies) 

3. การมีวิธีติดต่องานภายในองค์การที่ท าไว้ดี (Well – Designed 
Methods of Communication) 
เครื่องมือที่ช่วยในการติดต่อส่งข่าวคราวละเอียด ได้แก่ 
ก. แบบฟอร์มในการปฏิบัติงาน (Working Papers) 
ข. รายงานเป็นหนังสือ (Written report) 
ค. เครื่องมือวิทยาศาสตร์ในการติดต่องาน เช่น ระบบการติดต่อภายใน
 โรงพิมพ์ เป็นต้น 

4. เหตุที่ช่วยให้มีการประสานงานโดยสมัครใจ (Aids to 
Voluntary Coordination) 
 การประสานงานส่วนมากมักจะเกิดขึ้นจากการร่วมมือโดย
สมัครใจของบุคลากรในศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู

5. ประสานงานโดยวิธีควบคุม (Coordination through 
Supervision) 
 หัวหน้างานมีหน้าที่จะต้องคอยเฝ้าดูการด าเนินปฏิบัติงานต่าง ๆ 
เพื่อให้การด าเนินงานเป็นไปอย่างสอดคล้องและจะต้องใช้วิธีประเมินผล
การปฏิบัติงานทุกระยะจะได้ทราบข้อบกพร่องหาทางแก้ไขให้การ
ปฏิบัติงานถูกต้องยิ่งขึ้น

/////////////////////////////////////

2. เทคนิคการประสานงาน (Techniques 
Coordination) มีอะไรบ้าง

ความส าคัญของการประสานงาน 
1. การประสานงานเป็นกระบวนการในการบริหาร 
2. การประสานงานเป็นระเบียบธรรมเนียมในการ
บริหารงาน 
3. การประสานงานเป็นหน้าที่ของนักบริหารหรือ
หัวหน้างาน 

ประเภทของการประสานงาน 
 (Types of Coordination)
ประเภทของการประสานงานแบ่งได้เป็น 2 แบบใหญ่ ๆ ด้วยกันคือ 
1. การประสานงานภายในองค์การและภายนอกองค์การ การประสานงานภายใน
องค์การ หมายถึง การประสานงานภายในหน่วยงานหรือองค์การนั้น ๆ ส่วนการ
ประสานงานภายนอกองค์การเป็นการประสานงานระหว่างหน่วยงานหรือการ
ติดต่อกับบุคลลภายนอกต่าง ๆ 
2. การประสานงานในแนวดิ่ง และการประสานงานในแนวราบ การประสานงาน
ในแนวดิ่ง หมายถึง การประสานงานจากผู้บังคับบัญชามาสู่ผู้ใต้บังคับบัญชา 
(Top down) และการประสานงานจากผู้ใต้บังคับบัญชาไปยัง
ผู้บังคับบัญชา (Bottom up) ส่วนการประสานงานในแนวราบ หมายถึง การ
ประสานงานในระดับเดียวกัน 

เทคนิคการประสานงาน (Techniques Coordination) 
1. จัดให้มีระบบการติดต่อสื่อสารทั้งภายในหน่วยงานและภายนอก
หน่วยงานอย่างมีประสิทธิภาพ 
2. การก าหนดอ านาจหน้าที่และต าแหน่งงานอย่างชัดเจน 
3. การสั่งการและการมอบหมายอ านาจหน้าที่และความรับผิดชอบ 
4. การใช้คณะกรรมการหรือเจ้าหน้าที่ที่ท าหน้าที่ประสานงานโดยเฉพาะ
การประสานงานภายในองค์การ 
5. การจัดให้มีการประสานงานระหว่างพนักงานในองค์การ 
6. การจัดให้มีการฝึกอบรมและพัฒนาผู้ใต้บังคับบัญชา 
7. การติดตามผล

////////////////////

 3. จงอธิบายอุปสรรคของการประสานงาน มาพอเข้าใจ

อุปสรรคของการประสานงาน 
1. การขาดความเข้าใจอันดีต่อกันระหว่างผู้ปฏิบัติงานด้วยกันจะกลาย
เป็นสาเหตุท าให้การติดต่อประสานงานที่ควรด าเนินไปด้วยดี ไม่สามารถ
กระท าได้ 
2. การขาดผู้บังคับบัญชาหรือผู้บริหารที่มีความสามารถ 
3. การปฏิบัติงานไม่มีแผน ซึ่งเป็นการยากที่จะให้บุคคลอื่น ๆ ทราบ
วัตถุประสงค์และวิธีการในการท างาน 
4. การก้าวก่ายหน้าที่การงาน 
5. การขาดการติดต่อสื่อสารที่ดีย่อมท าให้การท างานเป็นระบบที่
ดีของความร่วมมือขาดความเข้าใจซึ่งกันและกัน 
6. การขาดการนิเทศงานที่ดี 
7. ความแตกต่างกันในสภาพและสิ่งแวดล้อม 
8. การด าเนินนโยบายต่างกันเป็นอุปสรรคต่อการประสานงาน 
9. ประสิทธิภาพของหน่วยงานต่างกันจะเป็นการยากที่จะก่อให้เกิดมี
ความร่วมมือและประสานงานกันเพราะแสดงว่ามีฝีมือคนละชั้น 
10. การท าหน้าที่ความรับผิดชอบและอ านาจไม่ชัดแจ้งท าให้
ผู้ปฏิบัติงานเกิดความกังวลใจและอาจไปก้าวก่ายงานของบุคคลอื่นก็ได้ 
11. ระยะทางติดต่อห่างไกลกัน 
12. เทคนิคและวิธีการปฏิบัติงานในแต่ละหน่วยงานแตกต่างกัน
เนื่องมาจากการกุมอ านาจหรือการกระจายอ านาจมากเกินไป

ศึกษาเนื้อหาหลักการรายงานผล

1.การรายงานผลมีความสำคัญอย่างไร ต่อการจัดการศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้
1. การกำหนดวัตถุประสงค์ของการเขียนรายงาน เราต้องก าหนด
วัตถุประสงค์การเขียนรายงานทุกครั้ง เช่น
- เป็นการรายงานเรื่องอะไร
- เป็นการรายงานต่อผู้บังคับบัญชาระดับใด
- ต้องการรายงานเพื่อให้ผู้บังคับบัญชาทราบเรื่องอะไรเป็นส าคัญ
2. การก าหนดเนื้อหาของรายงาน ควรเป็นสาระส าคัญเท่านั้น การ
พิจารณาสาระส าคัญได้แก่
- จัดเรียงล าดับความส าคัญของเนื้อหาที่เราต้องการรายงาน
- ตัดเนื้อหาส่วนที่เห็นว่ามีความเกี่ยวข้องเพียงเล็กน้อยหรือไม่เกี่ยวข้อง
ออกไป
- ทบทวนแล้วน ามาเรียบเรียงเข้าด้วยกัน หากเห็นว่ายังไม่สมบูรณ์ก็เพิ่ม
สาระสับสนุนให้รายงานมีคุณค่ามากยิ่งขึ้น
3. การรายงานวิธีการด าเนินงาน ต้องค านึงถึงเรื่องต่อไปนี้
- การใช้ถ้อยค าที่ตรงกับความหมาย ให้ผู้อ่านเข้าใจได้ทันที ใช้
ถ้อยค าที่กระชับตัดค าที่ไม่จ าเป็นต้องใช้ออก
- เรียงข้อความตามล าดับขั้นตอนการท างาน อาจจะแบ่งเป็น
ขั้นตอนตามลักษณะงานที่ได้ท า หรือแบ่งตามหน้าที่ของบุคลากร
หรืออื่นๆ ที่ท าให้ผู้อ่านมองภาพการท างานได้พอสมควร
4. การน าเสนอข้อมูลประกอบการรายงาน ต้องน าเสนอดังนี้
- แหล่งที่มาของข้อมูล จัดเก็บมาจากหน่วยงานใด วันที่เก็บ
- วิธีการน าเสนอข้อมูลมีหลายวิธี ได้แก่
 ก. น าเสนอด้วยตารางแจกแจงความถี่ (เป็นข้อมูลดิบ)
 ข. น าเสนอด้วยข้อมูลที่ท าการวิเคราะห์มาแล้ว มีการใช้สถิติ
วิเคราะห์ เช่น ค่าเฉลี่ย ค่าร้อยละเป็นต้น
 ค. น าเสนอด้วยกราฟ
- การแจกแจงข้อมูล เป็นการแสดงความคิดเห็นโดยน าตัวเลขข้อมูลมา
บรรยายสรุปตามความเป็นจริง
5. การสรุปผลการด าเนินงาน
 เป็นจุดส าคัญของรายงานที่ผู้อ่านจะให้ความสนใจมากที่สุดดังนั้นการ
สรุปผลการด าเนินงานต้องมีความชัดเจน มีผลที่เป็นจริงพิสูจน์ได้ มีความ
สอดคล้องกับข้อมู
6. การให้ข้อเสนอแนะ เป็นความคิดเห็นของผู้รายงานที่
ได้จากสภาพการด าเนินงานที่มองเห็นจุดที่มองเห็นจุดที่ควร
เสริมให้มีความสมบูรณ์ หรือให้มีคุณภาพการท างานเพิ่มขึ้น

รายงานผลการด าเนินงานมีโครงสร้างดังน
1. ปกรายงานประกอบด้วย
- ชื่อรายงานผลการด าเนินงาน
- ผู้รายงานหรือผู้ร่วมงาน
- เสนอต่อ..................หน่วยงานต้นสังกัด องค์กร
- ช่วงเวลาที่ด าเนินงาน
- อื่นๆ เช่น ภาพ สัญลักษณ์ ฯลฯ
2. ค าน า เขียนวัตถุ
4. บทน า เป็นการให้รายละเอียดทั่วไปของหน่วยงาน
 4.1 วัตถุประสงค์ของการด าเนินงาน
 4.2 หลักการและเหตุผลของการด าเนินงาน
 4.3 รายชื่อผู้ร่วมงาน
 4.4 รายชื่อที่ปรึกษา
 4.5 ระยะเวลาการด าเนินงาน
 4.6 งบประมาณ
 4.7 ปัญหาอุปสรรคที่พบระหว่างการท างาน
5. สาระของรายงาน ประกอบด้วย
- รายงานตามขั้นตอนหรือวิธีการท างาน
- รายงานตามลักษณะอุปสรรคปัญหา และวิธีการแก้ไข
- รายงานตามแบบฟอร์มขององค์กร
- รายงานเป็นตารางก าหนดการท างาน
- บรรยายสภาพการท างานอย่างละเอียดเพื่อให้เห็นปัญหาที่เกิดขึ้น (รายงานผล
การศึกษาวิธีการท างาน : Method Study)
- รายงานด้วยแผนภูมิ แสดงความเชื่อมโยงของงานแต่ละหน่วยงาน
- รายงานเป็นภาพจ าลอง เช่น ภาพจ าลองการออกแบบผลิตภัณฑ์ใหม
6. แสดงข้อมูลประกอบการรายงาน
7. สรุปผลการรายงาน ควรสรุปเป็นลักษณะต่อไปนี้
 7.1 เป็นข้อๆ เรียงตามล าดับความส าคัญ
 7.2 ถ้าเป็นผลกระทบให้สรุปผลกระทบจากส่วนใหญ่ไปสู่
ส่วนย่อย ตัวอย่าง
- ผลกระทบต่อประเทศ
- ผลกระทบต่อองค์กร
- ผลกระทบต่อหน่วยงาน
- ผลกระทบต่อบุคลากร
8. ข้อเสนอแนะ
9. ภาคผนวก เป็นรายงานอื่นๆ สถิติอื่นๆ ที่น ามาประกอบการ
รายงานหรือผลการตรวจสอบครั้งที่แล้ว แบบสอบถาม ส าเนา
ภาพถ่าย ภาพถ่าย ฯลฯ
10. เอกสารอ้างอิง

รายงานผลการตรวจสอบผลการด าเนินงาน

รายงานผลการตรวจสอบผลการด าเนินงาน เป็นเอกสารส าคัญ
ในการบริหารงานคุณภาพที่ผู้ท าหน้าที่ด าเนินการตรวจสอบต้อง
จัดท าบันทึกและเก็บรวบรวมอย่างเป็นระบบรายงานผลการ
ตรวจสอบผลการด าเนินงาน ประกอบด้วย
1. ปกรายงาน ได้แก่
- ชื่อศูนย์ "ศูนย์สื่อและเทคโนโลยีการศึกษา"
- ชื่อหน่วยงาน "ฝ่ายผลิตสื่อ"
- รายงานผลการตรวจสอบเรื่อง "กระบวนการผลิตสื่อ"
- เป็นเอกสาร.........
- วันที่เริ่มตรวจ
วันที่ตรวจเสร็จ
ระยะเวลาการตรวจสอบ...................วัน
- รายชื่อคณะกรรมการผู้ตรวจสอบ
2. เรื่องในรายงาน ประกอบด้วย
- บทสรุปผลการตรวจสอบ
- รายงานความเห็นของคณะกรรมการผู้ตรวจสอบ
3. รายละเอียดประกอบการรายงาน ได้แก่
- ใบมอบหมายให้ท าการตรวจสอบ
- ก าหนดการตรวจสอบ
- บันทึกการตรวจสอบ
- ส าเนาเอกสารผลการตรวจสอบครั้งล่าสุด
- ใบรายงานผลการตรวจสอบครั้งล่าสุด
- ใบรายงานผลการด าเนินงานของหน่วยงาน

บทสรุป
การรายงานผลการด าเนินงานการจัดการศูนย์ทรัพยากร
การเรียนรู้เป็นส่วนส าคัญในการแสดงข้อมูลอย่างเป็นระบบ
ให้กับผู้บังคับบัญชา หรือสาธารณชนได้รับทราบผลการ
ดำเนินงาน และเป็นการนำเสนอเพื่อปรับปรุงในการ
ดำเนินงานครั้งต่อ ๆ ไป

วันอังคารที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

หลัการวางแผน

สถาบัน วิทยาศาสตร์ทางทะเล มหาวิทยาลัยบูรพา

4.1   นโยบาย ของศูนย์ วิสัยทัศน์ และกลุ่มเป้าหมายของศูนย์ ปรัชญา
               
 พัฒนางานวิจัย  ใส่ใจให้บริการ  ประสานความร่วมมือ
                ยึดถือแนวทางอนุรักษ์  พิทักษ์ทะเลไทย
                วิสัยทัศน์
                เป็นศูนย์กลางแห่งความเป็นเลิศทางการวิจัย และบริการวิชาการด้านวิทยาศาสตร์ทางทะเล
                พันธกิจ
  1.    ดำเนินงานวิจัยด้านวิทยาศาสตร์ทางทะเลให้เป็นที่ยอมรับในระดับสากลและสามารถนำมาใช้ประโยชน์
                       ได้ในเชิงพาณิชย์
  2.    เป็นแหล่งเรียนรู้และให้บริการวิชาการด้านวิทยาศาสตร์ทางทะเลแก่ชุมชนและสังคม  ตลอดจนการ
                      อนุรักษ์ทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมทางทะเล  รวมทั้งสนับสนุนการเรียนการสอนและการวิจัย
  3.    เป็นหน่วยงานที่มีการพัฒนาระบบการบริหารจัดการให้มีประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่อง
               
                วัตถุประสงค์ของสถาบันวิทยาศาสตร์ทางทะเ
 1.    เพื่อเป็นแหล่งศึกษาค้นคว้าวิจัยด้านวิทยาศาสตร์ทางทะเล
 2.    เพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้   แหล่งท่องเที่ยวเชิงวิชาการ  และการอนุรักษ์ทรัพยากรตลอดจน
                 สนับสนุนการเรียนการสอนด้านวิทยาศาสตร์ทางทะเลทั้งภายในและต่างประเทศ
 3.    เพื่อเป็นองค์กรที่มีระบบบริห
ารจัดการที่ดีและมีประสิทธิภาพ

4.2 แหล่งที่มาของศูนย์
        สถาบัน วิทยาศาสตร์ทางทะเล มหาวิทยาลัยบูรพา ได้รับการพัฒนามาจาก “พิพิธภัณฑ์สัตว์และสถานเลี้ยงสัตว์น้ำเค็ม”  ซึ่งก่อตั้งขึ้นเมื่อเดือนกันยายน พ.ศ. 2512 โดยคณะอาจารย์ภาควิชาชีววิทยา มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ บางแสน (วิทยาลัยวิชาการศึกษา บางแสนเดิม) และนิสิตอีกจำนวนหนึ่งโดย ดร.บุญถิ่น อัตถากร  อดีตอธิบดีกรมการฝึกหัดครูและอดีตปลัดกระทรวงศึกษาธิการ  เป็นผู้สนับสนุนการดำเนินโครงการดังกล่าว        พิพิธภัณฑ์สัตว์และสถานเลี้ยงสัตว์น้ำเค็ม เปิดให้ประชาชนเข้าชมอย่างไม่เป็นทางการตั้งแต่เดือนธันวาคม  พ.ศ.  2513  และในวันที่  26  ตุลาคม  พ.ศ. 2519  มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ บางแสน ได้กราบทูลเชิญสมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าจุฬาภรณ์วลัยลักษณ์อัครราชกุมารี ทรงประกอบพิธีเปิดพิพิธภัณฑ์สัตว์และสถานเลี้ยงสัตว์น้ำเค็ม

        พิพิธภัณฑ์สัตว์และสถานเลี้ยงสัตว์น้ำเค็ม ได้รับการพัฒนาขึ้นเป็นลำดับจนไม่สามารถขยายออกไปได้อีก ทั้งนี้เนื่องจากตัวอาคารมีขนาดจำกัดและไม่ได้ออกแบบไว้สำหรับการนี้โดยตรง  เพื่อเป็นการขยายกิจการของพิพิธภัณฑ์สัตว์และสถานเลี้ยงสัตว์น้ำเค็มให้ กว้างขวางยิ่งขึ้นกว่าเดิมทางมหาวิทยาลัยโดยการนำของ ดร.ทวี หอมชงและคณะ ได้จัดทำโครงการขอความช่วยเหลือจากรัฐบาลญี่ปุ่น เมื่อเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2523รัฐบาลญี่ปุ่นได้ให้ความช่วยเหลือแบบให้เปล่าในการจัดตั้งศูนย์วิทยาศาสตร์ ทางทะเลเป็นมูลค่า 230 ล้านบาท โดยเริ่มก่อสร้างในวันที่ ธันวาคม 2524 ณ บริเวณด้านหน้าของมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ วิทยาเขตบางแสน  ในเนื้อที่ประมาณ 30 ไร่  สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงพระกรุณาเสด็จทรงวางศิลาฤกษ์เมื่อวันที่ 23มีนาคม พ.ศ. 2525  การก่อสร้างแล้วเสร็จ และมีพิธีมอบให้แก่มหาวิทยาลัย  เมื่อวันที่ 1มีนาคม พ.ศ. 2526        พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว  เสด็จพระราชดำเนินทรงกระทำพิธีเปิดศูนย์วิทยาศาสตร์ทางทะเล  เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2527  จากนั้นศูนย์วิทยาศาสตร์ทางทะเลได้จัดทำโครงการเพื่อยกฐานะเป็นสถาบัน และได้รับอนุมัติให้เป็นสถาบันวิทยาศาสตร์ทางทะเล  เมื่อวันที่  23  พฤษภาคม  พ.ศ.  2528

ประเภทของศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้

1. ศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้ถ้าแบ่งตามกลุ่มเป้าหมายของระบบการศึกษาได้กี่ประเภท อะไรบ้าง จงอธิบายตอบ  
                แบ่งได้ 3 ประเภท                1.ศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้ สำหรับการศึกษาในระบบโรงเรียน                2.ศูนย์ทรัพยากรณ์การเรียนรู้ สำหรับการศึกษานอกระบบ                3.ศูนย์ทรัพยากรณ์การเรียนรู้ สำหรับการศึกษาตามอัธยาศัย

2. ศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้แต่ละประเภทแตกต่างกันอย่างไร จงอธิบาย

ตอบ 
ศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้สำหรับการศึกษาในระบบโรงเรียน หมายถึงหน่วยงานที่สนับสนุนการเรียนการสอนทั้งสื่อ วัสดุ อุปกรณ์ ซึ่งมีการดำเนินการได้หลายลักษณะและมีชื่อเรียกแตกต่างกัน ศูนย์ทรัพยากรณ์การเรียนรู้สำหรับการศึกษานอกระบบ เป็นศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้ ที่มีเป้าหมายโดยมุ่งการให้บริการกับผู้เรียนที่มีจุดมุ่งหมายที่จะให้ผู้เรียนได้รับความรู้ด้านพื้นฐาน ทักษะในการประกอบอาชีพและทักษะที่จำเป็นในการประกอบอาชีพหรือความรู้ด้านอื่นๆ  ศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้ สำหรับการศึกษาตามอัธยาศัย เป็นศูนย์รวมและให้บริการความรู้โดยมุ่งให้กลุ่มเป้าหมายได้ศึกษาจากประสบการณ์การทำงาน บุคคล ครอบครัว สื่อมวลชน ชุมชน แหล่งความรู้ต่างๆเพื่อเพิ่มพูน ความรู้ และการพัฒนาคุณภาพชีวิต เช่น พิพิธภัณฑ์การเรียนรู้ เป็นต้น

3. ให้นิสิตหาตัวอย่างศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้ประเภท ละ 3 ศูนย์ พร้อมบอกสถานที่ตั้ง และกลุ่มเป้าหมายของศูนย์นั้น ๆ พร้อมแหล่งอ้างอิง
ตอบ  
ศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้ สำหรับการศึกษาในระบบโรงเรียน
1.ศูนย์เทคโนโลยีการศึกษา ตั้งอยู่ที่ถนนศรีอยุธยา เขตราชเทวี กรุงเทพมหานคร กลุ่มเป้าหมาย นักศึกษา
แหล่งอ้างอิง http://www.ceted.org/ceted2010/about-building.php

2.สำนักหอสมุดมหาวิทยาลัยบูรพา ตั้งอยู่ทึ่ มหาวิทยาลัยบูรพา บางแสน กลุ่มเป้าหมาย นักศึกษา

3.สำนักเทคโนโลยีการศึกษา มหาวิทยาลัยรามคำแหง ตั้งอยู่ที่ อาคารผาเมือง หัวหมาก บางกระปิ กรุงเทพ  กลุ่มเป้าหมาย นักศึกษา http://www.techno.ru.ac.th/
ศูนย์ทรัพยากรการเรียนสำหรับการศึกษานอกระบบ
   1.ศูนย์ฝึกอาชีพกรุงเทพมหานคร ตั้งอยู่ที่ 69/310 ซ.เฉลิมพระเกียรติ28 ถ.สุขุมวิท 103 แขวงดออกไม้ เขตประเวศ กรุงเทพ 10250 
http://www.ศูนย์ฝึกอาชีพ.com/            
กลุ่มเป้าหมายนักศึกษา
                               
 2.ศูนย์การเรียนรู้ ICT ชุมชน มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช อาคารสัมมนา 1 ชั้น 4 ถนนแจ้งวัฒนะ ตำบลบางพูด อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี 11120
กลุ่มเป้าหมาย นักศึกษา

3.ศูนย์การศึกษานอกระบบ จังหวัดนครราชสีมา ถนนสืบศิริ ตำบลในเมืองอำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา  http://korat.nfe.go.th/index.php   กลุ่มเป้าหมาย นักศึกษา

ศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้สำหรับการศึกษาตามอัธยาศัย
 1.ศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษา 928 ถนนสุขุมวิท เขตคลองเตย กรุงเทพฯ10110
แหล่งอ้างอิง  http://www.sciplanet.org/ewt_news.php?nid=12&filename=index  
กลุ่มเป้าหมาย บุคคลทั่วไป

 2.สถาบันวิทยาศาสตร์ทางทะเล มหาวิทยาลัยบูรพา 
169 ถ.ลงหาดบางแสน ต.แสนสุข อ.เมือง จ.ชลบุรี 20131 
แหล่งอ้างอิง http://www.bims.buu.ac.th/j3/  
กลุ่มเป้าหมาย บุคคลทั่วไป
 3. พิพิธภัณฑ์สิรินธร ตำบลโนนบุรี อำเภอสหัสขันธ์ จังหวัดกาฬสินธุ์  
แหล่งอ่างอิง http://www.dmr.go.th/dmr_data/sirindhorn/main.htm 
กลุ่มเป้าหมาย บุคคลทั่วไป




โครงสร้างของศูนย์ ทรัพยากรการเรียนรู้

โครงสร้างองค์กรของศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้
ตัวอย่างผังโครงสร้างของศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้ 

องค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ


โครงสร้างดังกล่าวเป็นโครงสร้างแบบ Line and Staff Organization
เพราะ  เป็นรูปแบบการจัดการโครงสร้างสำหรับหน่วยงานใหญ่ ซึ่งลำพังผู้บริหารคนเดียวไม่สามารถดำเนินการได้ จึงมีรูปแบบของคณะกรรมการต่างๆเข้ามาช่วยควบคุมการทำงานโดยมีอำนาจทางอ้อมใน การดำเนินการนั้นๆ
แหล่งอ้างอิง http://www.nsm.or.th/





สถาบันวิจัยไม้กลายเป็นหินและทรัพยากรธรณีภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
เฉลิมพระเกียรติ  มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา



โครงสร้างดังกล่าวเป็นโครงสร้างเป็นแบบ Line Organization
เพราะเป็นรูปแบบการจัดโครงสร้างตามงานที่รับผิดชอบในอำนาจหน้าที่กันเป็นขั้น ๆจากระดับสูงสุดไปจนกระทั่งต่ำสุด